Lizzie Velasquez ลิซซี่ วาลาสเควซ ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลกผู้มีจิตใจงดงามที่สุดในโลก

            หากลองพิมพ์คำว่า “ผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดในโลก” หรือ “ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก” ในหน้าค้นหาของกูเกิ้ลก็จะได้พบกับภาพใบหน้าและข้อมูลของผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏอยู่โดดเด่นกว่าใครนั่นคือ “ลิซซี่ วาลาสเควซ” (Lizzie Velasquez) ผู้หญิงที่ได้รับการกล่าวถึงว่าเธอนั้นมีรูปร่างและหน้าตาอัปลักษณ์ที่สุด


ลิซซี่ วาลาสเควซ (Lizzie Velasquez)

            ลิซซี่ วาลาสเควซถูกผู้คนดูถูกในเรื่องรูปโฉมหลังจากที่มีการเผยแพร่ภาพของเธอในเว็บไซต์ยูทูปโดยใช้ชื่อที่แปลเป็นภาษาไทยว่า “ผู้หญิงที่อัปลักษณ์ที่สุดในโลก” หลังจากนั้นชื่อของเธอก็เริ่มเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในโลกออนไลน์


ลิซซี่ วาลาสเควซ (Lizzie Velasquez)

            ประวัติของวาลาสเควซถูกค้นหามากขึ้นในอินเตอร์เน็ตซึ่งเราเสนอเพียงคร่าวๆว่าเธอเกิดเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 1989 (อายุปัจจุบันบวกลบเอาเอง) ด้วยน้ำหนักเพียง 2 ปอนด์นิดๆ แม้แต่แม่ที่เห็นลูกสาวคนนี้ยังคิดว่าเธอคงไม่รอด รวมทั้งแพทย์เองก็ได้บอกกับผู้เป็นแม่ว่าวาลาสเควซอาจจะไม่สามารถพูดหรือเดินได้
            ความผิดปกติที่เกิดกับร่างกายของวาลาสเควซนับเป็นเรื่องน่าเศร้ามากเพราะจนถึงขณะนี้พบผู้ป่วยที่มีอาการเดียวกับเธอรวมกันเพียง 3 คนเท่านั้น อาการโดยทั่วไปคือ เธอไม่มีเยื่อไขมัน ดังนั้นเราจึงเห็นเธอผอมแห้งเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ที่สำคัญคือเธอต้องกินอาหารทุกๆ 15-20 นาทีเพื่อให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง และตอนนี้ตาขวาของเธอก็ดับสนิทแล้ว



            วาลาสเควซถูกดูหมิ่นสารพัดจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่แสดงความเห็นด้วยถ้อยคำที่รุนแรง แต่เธอหาได้แคร์ต่อคำดูถูกเหล่านั้นไม่ วาลาสเควซได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยจิตใจที่งดงามว่าเธอไม่เคยโกรธต่อคำดูถูกเหล่านั้น กลับกันเธอใช้ความเกลียดที่มีเป็นกำลังใจเพื่อยกระดับจิตใจตัวเองให้ก้าวผ่านมันไปให้ได้


ผลงานหนังสือของลิซซี่ วาลาสเควซ

            ลิซซี่ วาลาสเควซเป็นตัวอย่างที่ดีของการแสดงให้เห็นว่า “คุณค่าที่แท้จริงไม่ใช่สิ่งที่มองเห็นจากภายนอก” ปัจจุบันวาลาสเควซคือ “ผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดในโลกผู้มีจิตใจงดงามที่สุดในโลก” ผู้คนส่วนใหญ่ที่ได้รู้เรื่องของเธอก็เริ่มมองข้ามรูปลักษณ์ภายนอกไปและพร้อมจะเป็นเพื่อนกับเธอ โดยเธอมีผลงานหนังสือเล่มแรกคือ “Lizzie Beautiful” ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นงานเขียนที่ช่วยสร้างกำลังใจแก่ผู้อ่าน